สภาพภูมิอากาศไม่ว่าจะเป็นของประเทศไทยเราเอง หรือจะเป็นในต่างประเทศ ปัจจุบันจะแปรปรวนไปมากขึ้นทุกที เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ทำให้มีหลายคนเจ็บป่วยไปตามๆ กัน อีกทั้งสภาพผิวของหลาย ๆ คนก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ บางคนที่เจออากาศร้อนดีๆ ก็ไปเจออากาศหนาว ทำให้ผิวแห้งตกสะเก็ดเป็นขุยเต็มใบหน้าไปหมดไม่สวยงามอย่างที่เคยเป็น แม้ว่าบางคนอาจจะมองดูว่าตนเองมียาบำรุงผิวที่ดีแล้ว หากแต่บำรุงมากแค่ไหนก็ยังไม่อาจสู้สายลม และแสงแดดของประเทศไทยที่ ไม่เรียกว่าเผาแต่จะเรียกว่าไหม้เกรียมกันเลยทีเดียวเมื่อโดนแสงแดด ในบทความนี้จะพาท่านไปรับทราบช่างกลและวิธีการดูแลผิวหน้าให้สมหวังในการดังต่อไปนี้
1.เรียนรู้วิธีการดูแลผิวของตนเองให้ตรงกับช่วงอายุ
เซลล์ในร่างกายคนเราจะมีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงอายุ ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ผิวหนังของคนเราจะมีลักษณะนุ่มนวล สดใสเต่งตึงเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงอายุเช่นเดียวกัน โดยในช่วงวัยเด็กของคนเรานั้น จะมีผิวขาวใสสวยงามสดใสจนน่าอิจฉา เนื่องมาจากเซลล์ยังสดใหม่ยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง ยังไม่ได้รับผลกระทบกับสารอนุมูลอิสระ หรืออันตรายต่างๆ ที่เราต้องพบเจอในร่างกาย แตกต่างจากคนในวัยทำงานที่มีการเจริญเติบโตขึ้นมาจนเต็มที่และกำลังเริ่มเสื่อมสภาพลงทุกที คงไม่ต้องบอกว่าผิวหนังและร่างกายของผู้สูงวัยก็ยิ่งจะไม่สามารถทำงานผลิตผิวหนังใหม่ๆ ออกมาได้ดีเท่าในช่วงวัยเด็ก ด้วยเหตุนี้เอง จึงยิ่งต้องดูแลรักษาอย่างเป็นพิเศษมากขึ้น
2. วิธีดูแลผิวของเด็กวัยช่วงแรกเกิด
เด็กวัยแรกเกิดนั้นจะยังมีผิวหนังที่อ่อนแอและบาง นั่นจะทำให้ตอบสนอง และระคายเคืองต่อสิ่งต่างๆ ที่ถูกส่งเข้ามากระทบต่อผิวหนังได้ ด้วยเหตุนี้เอง การดูแลรักษาไม่ว่าจะเป็นสบู่ที่จะใช้ในการทำความสะอาดร่างกายหรือครีมโลชั่นต่างๆ ที่ใช้ดูแลผิวพรรณของเด็กในช่วงวัยแรกเกิด คุณจะต้องเลือกสบู่ซึ่งมีการผลิตเอาไว้สำหรับผิวหนังของเด็กวัยแรกเกิดเป็นการเฉพาะ โดยให้เน้นสบู่ที่มีไขมันผสมอยู่ ซึ่งจะช่วยไม่ให้เด็กทารกผิวหนังแห้งเกินไป และเราอยากขอเตือนให้คุณไม่ควรใช้สบู่แบบเหลว เพราะมันสามารถทำงานในการขจัดคราบมันได้ดีจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ยาล้างผิวและกัดเซาะผิวหนังของเด็กทารกที่บอบบางจนเป็นขุยหรือเกิดผื่นแดงแพ้ได้
3. วิธีดูแลผิวหนังในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
เด็กที่พ้นจากวัยทารกแรกเกิดและการมาเป็นเด็กที่สามารถช่วยเหลือตนเองขยับเขยื้อนวิ่งเล่นได้แล้ว จะเป็นช่วงที่ผิวหนังเมื่อเกิดปัญหาในด้านความสะอาดอันเนื่องมาจากความซน ทำให้เด็กหลายคนไม่ยอมอยู่นิ่ง หรืออยู่เฉยๆ มักวิ่งเล่นจนเลอะเทอะ หรืออาจเกิดบาดแผล ทำให้ติดเชื้อโรคต่างๆ เข้ามาในร่างกายได้โดยง่าย วิธีรักษาผิวที่ดีที่สุดนั่นก็คือการสั่งสอนให้เด็กรู้จักการดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายด้วยตนเองในทุกครั้งที่ออกไปเล่นนอกบ้านกลับมา จะต้องรู้จักล้างมือล้างหน้ารวมทั้งอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดหมดจด ทั้งนี้ให้รวมทั้งเครื่องแต่งกายและเสื้อผ้าหน้าผมด้วย แม้เขาจะออกไปเล่นซนจนเลอะเทอะกลับมาบ้านก็จะต้องดูแลรักษาให้ร่างกายของพวกเขาสะอาดสดใสอยู่เสมอ
4. วิธีดูแลผิวหนังในช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 14 ปีขึ้นไปจนถึงช่วง 25 ปี
ผิวหนังของวัยรุ่นในช่วงนี้เป็นช่วงที่ถือว่ามีปัญหาเป็นอย่างมาก เพราะฮอร์โมนต่างๆ โดยเฉพาะฮอร์โมนทางเพศจะทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาการป่วยทางผิวหนังต่างๆ จะแสดงออกมาตามความแตกต่างของพันธุกรรม ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน บางคนมีไขมันมากจนเกิดสิวเต็มหน้า บางคนก็หน้าแห้งจนด้านชาตกสะเก็ดเป็นขุย หรือตกสะเก็ด ซึ่งเราอยากให้ข้อแนะนำว่าหากคุณอยู่ในช่วงวัยรุ่น และมีลักษณะที่มีหน้ามันเรียบ อย่าพยายามใช้ครีมล้างหน้า เพราะแทนที่จะทำให้หน้าดีขึ้น มันจะทำให้หน้าของคุณเพิ่มความมันขึ้นไปอีก เพราะครีมมันมีไขมันสะสมอยู่นั่นเอง ในขณะเดียวกันถ้าผิวของคุณมีลักษณะแห้งกรอบ ก็อย่าไปใช้สบู่เหลว หรือรูปแบบโฟมล้างหน้าที่ มีอำนาจในการกัดเซาะทะลุทะลวงผิวหนัง เพราะมันจะยิ่งทำให้ผิวหน้าถูกกัดจนแห้งกรอบมากยิ่งขึ้นนั่นเอง วิธีที่ดีที่สุดนั่นก็คือ ดูแลด้วยน้ำสะอาด และไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีผลิตภัณฑ์สารเคมีบำรุงผิวมากมายเอามาใส่บนใบหน้าของคุณ เพราะแทนที่ใบหน้าจะสวยใสสมวัยน่าจะเสียก่อนวัยอันควร
15. วิธีดูแลผิวหนังวัยผู้ใหญ่ ในช่วงอายุตั้งแต่ 25 ปีจนถึง 50 ปี
อันที่จริงปัญหาของผิวหนังของคนในช่วงอายุเท่านี้นั่น ก็คือการที่เซลล์ผิวหน้าเริ่มเสื่อมสภาพทำให้หลายคนเลือกสรรหาครีมบำรุงผิวราคาแพงมากมายมาทาบนผิวหนัง และใบหน้าของต้น ซึ่งในหลายกรณีเครื่องสำอางเองกับมีส่วนทำให้ผิวหนังของคนได้รับความเสียหายมีฝ้า และจุดด่างดำหรือเรียกได้ว่าแก่เร็วยิ่งขึ้นไปอีก
6. วิธีดูแลผิวของผู้สูงวัย
คนเราในช่วงเวลานี้ต้องยอมรับความจริงก่อนว่าสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง เมื่อเราใช้งานสภาพร่างกายมานาน มันก็ต้องทรุดโทรมเสื่อมสภาพตามช่วงอายุ และค่อนข้างจะเปราะบางคล้ายกับเด็กแรกเกิด หากแต่ที่แตกต่างกันก็คือเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นแล้วผิวหนังจะฟื้นตัวเองได้ยาก ด้วยเหตุนี้เอง จึงต้องดูแลเป็นอย่างดีไม่ควรอาบน้ำบ่อยมากจนเกินไป ใช้น้ำอุ่น หรือน้ำที่ไม่เย็น และร้อนมากๆ และใช้ครีมบำรุงผิวที่จะช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้งกรอบมากจนเกินไป
การดูแลผิวหนังที่ดีที่สุดนั่นก็คือการรับอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการโดยเฉพาะอาหารประเภทพืชผักผลไม้และวิตามิน รวมทั้งการออกกำลังกายให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ